in

5 ปัญหาที่พบบ่อยเวลาใช้ รถตัดหญ้า และวิธีแก้แบบไม่ต้องง้อช่าง

การมี รถตัดหญ้า ดีๆ สักคันติดบ้านไว้ ถือว่าเป็นตัวช่วยชั้นเยี่ยมเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่มีสนามหญ้าเล็กๆ หรือสวนขนาดใหญ่ ก็ช่วยให้เราประหยัดแรงและเวลาได้เยอะมาก โดยเฉพาะใครที่ไม่อยากเสียเงินจ้างช่างตัดหญ้าบ่อยๆ รถตัดหญ้า คือตัวช่วยที่คุ้มสุดๆ แต่แน่นอนว่าเครื่องจักรทุกชนิด เมื่อใช้ไปสักพักก็อาจจะมีอาการแปลกๆ ให้ต้องหงุดหงิดใจ เช่น สตาร์ทไม่ติด วิ่งอืด หรือใบมีดไม่หมุน ซึ่งบางทีแค่นิดเดียวก็ทำให้เสียเวลาทั้งวันได้เลย

บทความนี้เราจะชวนทุกคนมารู้จักกับ 5 ปัญหายอดฮิตที่คนใช้ รถตัดหญ้า มักเจอกันประจำ พร้อมวิธีแก้ง่าย ๆ ที่ทำได้เอง ไม่ต้องยกไปเข้าร้านหรือเรียกช่างให้เสียเวลาและเสียเงิน ลองอ่านดูแล้วคุณจะรู้ว่า… ซ่อมเองได้ง่ายกว่าที่คิด!


รถตัดหญ้า สตาร์ทยากหรือสตาร์ทไม่ติด

  • น้ำมันเก่าค้างอยู่ในถัง เพราะจอดไว้เฉย ๆ นานเกินไปจนเชื้อเพลิงเสื่อมคุณภาพ กลายเป็นน้ำมันเสียที่เผาไหม้ไม่ดี เหมือนกับของกินที่หมดอายุนั่นแหละครับ เติมใหม่ไปเลยจะดีกว่า
  • หัวเทียนสกปรก หรือเสื่อมสภาพ บางทีเปิดฝาออกมาก็เจอคราบดำ ๆ เขม่าเต็มหัวเทียนไปหมด เหมือนเจอหม้อแกงไหม้เลยครับ ทำให้การจุดระเบิดของเครื่องไม่สมบูรณ์ ก็เลยสตาร์ทยากหรือดับง่าย
  • กรองอากาศตัน
  • แบตเตอรี่หมด (ในรุ่นสตาร์ทไฟฟ้า)

วิธีแก้

  • เปลี่ยนน้ำมันใหม่ ถ้าคุณจอดรถทิ้งไว้นานเป็นเดือน ๆ แล้วมาสตาร์ทไม่ติด อย่าเพิ่งตกใจครับ! น้ำมันเก่าที่ค้างในถังอาจเสื่อมสภาพไปแล้วจนเครื่องไม่อยากทำงานด้วย วิธีง่าย ๆ คือถ่ายน้ำมันเก่าออก แล้วเติมของใหม่เข้าไป เครื่องก็พร้อมลุยเหมือนเดิม ไม่ต้องเรียกช่างให้เสียเงินเลยครับ
  • ตรวจหัวเทียน ลองถอดหัวเทียนออกมาดูครับ ถ้าเห็นคราบดำ ๆ เกาะอยู่เต็มเหมือนก้นหม้อที่ลืมล้าง ก็จัดการใช้แปรงทองเหลืองขัดเบา ๆ เอาเขม่าออก แต่ถ้าคราบแน่นมากจนขัดไม่ไหว ก็แนะนำให้เปลี่ยนใหม่ไปเลย หัวเทียนสะอาด เครื่องจะได้ติดง่าย ตัดหญ้าได้ลื่นไหลไม่สะดุด
  • ทำความสะอาดกรองอากาศ ถอดกรองอากาศออกมาแล้วลองสังเกตดูครับ ถ้ามีฝุ่นเกาะจนดำปี๋ เหมือนเอาไปตากควันหมูกระทะมา ก็ถึงเวลาซักแล้ว! ใช้น้ำสบู่อ่อน ๆ ซักเบา ๆ แล้วตากให้แห้งสนิทก่อนใส่กลับเข้าไป จะช่วยให้เครื่องหายใจคล่องขึ้น แรงดีไม่มีตก
  • ชาร์จหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ ถ้าคุณกดปุ่มสตาร์ทแล้วเงียบกริบ เหมือนเครื่องไม่อยากตื่นมาทำงาน ลองเช็กแบตเตอรี่ดูครับ อาจจะแค่หมดไฟเฉย ๆ ชาร์จใหม่สักรอบก็พร้อมลุยแล้ว แต่ถ้าเก็บไว้จนแบตเสื่อม หรือไม่ได้ใช้มานานเป็นปี อาจต้องเปลี่ยนแบตใหม่เลยก็ได้ครับ ไม่ยาก แค่ถอด-ใส่ตามคู่มือก็เรียบร้อย

เครื่องเดินสะดุด/เครื่องดับเองตอนใช้งาน

  • ใบมีดติดหญ้าหรือเศษดินจนหมุนไม่สะดวก ถ้ารู้สึกว่าเครื่องเริ่มเสียงแปลก ๆ หรือดูเหมือนไม่ค่อยแรงเหมือนตอนใหม่ ๆ ลองพลิกดูใต้ท้องเครื่องเลยครับ มักจะมีเศษหญ้าหรือดินแห้งติดอยู่เต็มไปหมด เหมือนเอาใบมีดไปปั่นในหม้อแกงส้ม พอสะสมเยอะ ๆ ก็ทำให้ใบมีดหมุนไม่คล่อง เครื่องเลยสะดุดหรือดับกลางคันง่าย ๆ
  • น้ำมันเบนซินหรือน้ำมันเครื่องต่ำกว่าระดับ อธิบายง่าย ๆ คือ เหมือนคนวิ่งโดยไม่ได้กินข้าวเช้า! พอไม่มีพลังงาน เครื่องก็จะอ่อนแรง เดินสะดุด หรือดับไปเองกลางทาง เพราะไม่มีเชื้อเพลิงหรือหล่อลื่นพอให้ทำงานได้เต็มที่
  • กรองน้ำมันเชื้อเพลิงอุดตัน ถ้าใช้น้ำมันไม่สะอาด หรือมีคราบตะกอนเจือปน ก็อาจทำให้กรองตันได้ง่าย ๆ ครับ พอตันแล้ว น้ำมันไหลไม่สะดวก เครื่องเลยเดินสะดุดหรือดับไปดื้อ ๆ เหมือนคนกินข้าวแล้วติดคอ เพราะน้ำไม่ผ่านนั่นแหละ
  • ท่อไอเสียอุดตัน ถ้าใช้รถตัดหญ้ามานาน แล้วเริ่มได้กลิ่นแปลก ๆ หรือเห็นควันออกเยอะผิดปกติ ลองเช็กท่อไอเสียดูก่อนเลยครับ บางทีเขม่าควันเก่ามันไปอุดอยู่ ทำให้ไอเสียระบายไม่ทัน เครื่องเลยอึดอัด เดินสะดุด หรือถึงขั้นดับได้ คล้าย ๆ กับคนที่หายใจไม่ออกเพราะใส่หน้ากากซ้อนสองชั้นแบบแน่นเป๊ะ!

วิธีแก้

  • ปิดเครื่องแล้วตรวจสอบใต้ท้องเครื่อง ก่อนอื่นต้องดับเครื่องให้เรียบร้อยก่อนนะครับ อย่าเพิ่งใจร้อน! จากนั้นลองพลิกดูใต้ท้องรถ จะเห็นว่าใบมีดอาจมีเศษหญ้าหรือดินแห้งติดอยู่แน่นเต็มไปหมด ให้ใช้ไม้แบนหรือไม้พายค่อย ๆ เขี่ยออกเบา ๆ อย่าใช้มือเปล่าเด็ดขาดนะครับ เดี๋ยวมือจะโดนคมใบมีดเข้าไปโดยไม่รู้ตัว ปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด!
  • ตรวจระดับน้ำมัน อย่าลืมเช็กทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมันเครื่องนะครับ บางทีเราก็เผลอใช้งานยาว ๆ จนลืมดู ปรากฏว่าระดับน้ำมันต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนเครื่องเริ่มงอแง แค่เติมให้ถึงระดับที่แนะนำ เครื่องก็จะกลับมาทำงานได้เต็มแรงแบบไม่ต้องลุ้นให้ดับกลางคัน
  • ล้างกรองน้ำมันเชื้อเพลิง เจ้ากรองตัวนี้ทำหน้าที่เหมือนไส้กรองกาแฟครับ คอยกันไม่ให้เศษสิ่งสกปรกไปอุดตันเครื่อง ถ้ารู้สึกว่าเครื่องเดินไม่เรียบ ลองถอดออกมาเป่าลมให้ฝุ่นออก หรือถ้าจะให้ชัวร์ก็ล้างด้วยน้ำมันสะอาด ๆ หน่อย เครื่องจะได้ดูดน้ำมันเข้าไปได้ลื่น ๆ ไม่สะดุดกลางงาน
  • เคาะทำความสะอาดท่อไอเสีย ถ้าเครื่องเริ่มหายใจติดขัด หรือปล่อยควันเยอะผิดปกติ ลองเคาะท่อไอเสียดูก่อนครับ ใช้ไขควงหรือด้ามประแจเคาะเบา ๆ ไปที่ท่อให้เขม่าด้านในร่วงออกมา พูดง่าย ๆ ก็เหมือนเราเคาะฝุ่นจากหมวกกันน็อกหลังลุยทางฝุ่นมา ถ้าเคาะแล้วยังไม่โล่ง อาจต้องถอดมาล้างให้สะอาด ก็จะช่วยให้เครื่องปล่อยลมหายใจได้คล่องขึ้นอีกเยอะเลยครับ

ใบมีดไม่หมุน/ตัดหญ้าไม่ขาด

  • สายพานขาดหรือหย่อนเกินไป ถ้าได้ยินเสียงเครื่องดังปกติ แต่ใบมีดไม่ยอมหมุน หรือหมุนแบบเอื่อย ๆ เหมือนไม่เต็มใจทำงาน ให้สงสัยเรื่องสายพานไว้ก่อนเลยครับ อาจขาดไปแล้ว หรือหย่อนจนแรงส่งไม่ถึง ใครเคยใส่เข็มขัดหนังที่ย้วย ๆ ก็น่าจะเข้าใจอารมณ์นี้ดีเลย
  • คลัตช์เสียหรือไม่ทำงาน (สำหรับรุ่นที่มีคลัตช์) คลัตช์ก็เปรียบเหมือนตัวกลางระหว่างเครื่องยนต์กับใบมีดครับ ถ้ามันไม่ทำงาน หรือจับไม่สนิท ใบมีดก็จะไม่หมุนหรือหมุนได้ไม่เต็มแรง เหมือนคนเหยียบคลัตช์มอเตอร์ไซค์ค้างไว้ รถก็ไม่ยอมออกตัวนั่นแหละครับ
  • ใบมีดทื่อ/หัก/งอ ถ้าใบมีดเริ่มตัดไม่ค่อยขาด หรือหญ้าโดนเฉือนไปแบบไม่เรียบเนียนเหมือนแต่ก่อน อาจจะถึงเวลาลับคมหรือเปลี่ยนใบมีดแล้วครับ ใบมีดที่ทื่อก็เหมือนมีดหั่นมะเขือเทศที่ไม่คม พอฝืนใช้ต่อก็มีแต่จะเปลืองแรง เปลืองน้ำมัน และเสียเวลาเปล่าๆ

วิธีแก้

  • ตรวจสายพาน ถ้าใบมีดไม่หมุน ทั้งที่เครื่องยังทำงานอยู่ เสียงก็มาแต่ไม่ตัดหญ้าเลย ลองก้มดูใต้ท้องรถครับ เพราะอาจเป็นที่สายพานหลุดหรือขาดไปแล้ว ถ้าขาดก็ต้องเปลี่ยนใหม่ แต่ถ้าแค่หย่อนเหมือนกางเกงหลวม ๆ ก็แค่ปรับตั้งให้ตึงพอดี ใบมีดจะได้หมุนได้แรงเหมือนเดิมไม่ต้องออกแรงเข็นให้เหนื่อย
  • ตรวจคลัตช์ คลัตช์บางรุ่นเราสามารถตั้งระยะใหม่ได้เองง่าย ๆ ไม่ต้องง้อช่างครับ ลองดูตรงคู่มือประจำรุ่น ถ้าแค่คลายแล้วขันใหม่ก็กลับมาแน่นปึ้กได้เลย แต่ถ้าตั้งแล้วยังหลวม ๆ เหมือนใส่รองเท้าเบอร์ใหญ่เกินไป อันนี้ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนใหม่ จะได้ใช้งานต่อเนื่องแบบไม่สะดุด
  • ลับหรือเปลี่ยนใบมีด ถ้าเริ่มรู้สึกว่าตัดหญ้าแล้วไม่ค่อยขาด หรือหญ้าโดนเฉือนแบบหยาบ ๆ เหมือนโดนกัดมากกว่าตัด นั่นอาจถึงเวลาลับใบมีดแล้วครับ ถอดออกมาลับให้คมด้วยตะไบธรรมดา แต่ถ้าลับแล้วยังไม่คม หรือใบมีดบิ่น หัก งอ ก็เปลี่ยนใหม่ไปเลยดีกว่า เครื่องจะได้ทำงานลื่นขึ้น ไม่ต้องฝืนให้เหนื่อยทั้งคนทั้งเครื่อง

รถตัดหญ้า ร้อนจัดจนดับ/มีควันดำออกจากท่อไอเสีย

  • การใช้งานหนักต่อเนื่องนานเกินไป เหมือนเราทำงานไม่มีพัก เครื่องก็มีเหนื่อยเหมือนกันนะครับ ถ้าตัดหญ้ากันยาว ๆ แบบไม่หยุดเลย เครื่องยนต์ก็จะร้อนสะสมจนถึงจุดที่มันขอพักเอง (ก็คือดับนั่นแหละ) ทางที่ดีควรให้เครื่องได้พักบ้าง ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวเครื่องก็อยู่กับเราได้นานขึ้นครับ
  • ระบายความร้อนไม่ดีเพราะช่องลมตัน ช่องลมพวกนี้เปรียบเหมือนรูระบายอารมณ์ของเครื่องครับ ถ้าโดนฝุ่น หญ้า หรือเศษใบไม้เข้าไปอุดจนตัน เครื่องก็จะเหมือนคนที่หายใจไม่ออก หัวร้อนง่าย พอร้อนจัด ๆ เข้า ก็มีสิทธิ์ดับเอาดื้อ ๆ ได้เลย เพราะฉะนั้นอย่าลืมดูแลความสะอาดจุดนี้เป็นพิเศษ
  • ใส่น้ำมันเครื่องผิดประเภทหรือขาดการเปลี่ยนถ่าย น้ำมันเครื่องก็เหมือนเลือดของเครื่องยนต์ครับ ถ้าใส่ผิดเบอร์ หรือปล่อยให้เก่าเหมือนน้ำมันทอดซ้ำ ๆ ไม่ยอมเปลี่ยน เครื่องก็จะเสื่อมไว ความร้อนจะพุ่งขึ้นง่าย และเสี่ยงพังเอาดื้อ ๆ เพราะฉะนั้นอย่าลืมดูแลจุดนี้ให้ดี เปลี่ยนตามชั่วโมงใช้งาน และเลือกชนิดที่ตรงกับคู่มือไว้ก่อน ปลอดภัยสุด!
  • ปรับส่วนผสมอากาศ-น้ำมันไม่เหมาะสม (ในรุ่นคาร์บูเรเตอร์) ถ้าเครื่องมีควันดำออกมามาก หรือรู้สึกว่าเครื่องกินน้ำมันแบบไม่เกรงใจ ลองเช็กดูที่คาร์บูเรเตอร์ครับ เพราะอาจมีการปรับอากาศ-น้ำมันที่ไม่สมดุล เหมือนคนกินของมันจัด ๆ จนท้องอืดนั่นแหละ เครื่องก็จะอึดอัดและเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ควันก็เลยออกเยอะเกินเบอร์

วิธีแก้

  • พักเครื่องระหว่างใช้งาน อย่าตัดหญ้าต่อเนื่องเกิน 45–60 นาที ควรพักเครื่องให้เย็นลง
  • เป่าช่องระบายความร้อน ใช้ลมเป่าฝุ่นออกจากช่องพัดลมและครีบระบายความร้อน
  • เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ใช้ตามที่คู่มือแนะนำ เช่น SAE 30 หรือ 10W-30 และเปลี่ยนทุก 25 ชั่วโมงการใช้งาน
  • ปรับอากาศ-น้ำมัน ถ้าควันดำออกมาก ให้ลองปรับสกรูส่วนผสมที่คาร์บูเรเตอร์ (บางรุ่นอาจต้องใช้ไขควงเฉพาะ)

รถตัดหญ้า วิ่งช้า/ขับเคลื่อนไม่ได้

  • เกียร์หลุด/สายเกียร์ขาด บางทีขับอยู่ดี ๆ รถก็ไม่ยอมเคลื่อนตัว เหมือนใส่เกียร์ว่างคาไว้ ทั้งที่ไม่ได้แตะอะไรเลย แบบนี้ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเกียร์อาจหลุดจากตำแหน่ง หรือสายเกียร์ที่เชื่อมโยงการควบคุมอาจขาดไปแล้วครับ ถ้าขาดก็เปลี่ยนใหม่ได้ไม่ยาก แต่ถ้าแค่หลุดก็ใส่กลับให้แน่น ก็กลับมาวิ่งปรู๊ดได้เหมือนเดิม
  • น้ำมันเกียร์แห้งหรือลดลงมาก ถ้าน้ำมันเกียร์แห้งจนเกือบหมด หรือแค่พอขลุก ๆ ที่ก้นถัง ก็จะทำให้ระบบขับเคลื่อนไม่สามารถส่งกำลังได้อย่างราบรื่น เหมือนรถยนต์ที่น้ำมันเครื่องแห้งแล้วฝืนวิ่ง ผลคือเครื่องจะฝืด เดินอืด ๆ ขยับช้า ๆ จนแทบจะเรียกว่าดันเอาเองมากกว่าขับครับ
  • ล้อฝืดจากหญ้าพันหรือเศษวัสดุอุด บางครั้งเราเผลอตัดหญ้าทับพงหญ้าชื้น ๆ หรือพื้นที่รก ๆ ที่มีเศษใบไม้ กิ่งไม้ หรือเศษขยะเล็ก ๆ ซุกอยู่ พวกนี้จะเข้าไปพันที่เพลาล้อจนฝืด หมุนยาก เหมือนล้อโดนล็อกไว้ยังไงยังงั้น ถ้าขับแล้วรู้สึกฝืด ๆ หรือเลี้ยวไม่ลื่น ให้ลองเช็กล้อก่อนเลยครับ
  • ระบบขับเคลื่อน (Drive System) เสื่อมหรือหลวม ถ้าใช้งานรถตัดหญ้ามาหลายปีโดยไม่เคยตรวจเช็กเลย ระบบขับเคลื่อนก็อาจเริ่มล้าเหมือนคนที่ทำงานมาทั้งวันโดยไม่ได้พักครับ อาการที่เจอบ่อยคือ รถวิ่งช้า แรงส่งไม่ค่อยมี หรือบางจังหวะก็เหมือนจะหยุดกลางทาง ซึ่งปัญหาแบบนี้มักเกิดจากอุปกรณ์ขับเคลื่อนเริ่มหลวม หรือชิ้นส่วนบางอย่างสึกหรอจนทำงานได้ไม่เต็มที่

วิธีแก้

  • เช็กสายเกียร์ หากขาดต้องเปลี่ยนใหม่ ถ้าหลุดจากตัวล็อกให้ใส่กลับแล้วล็อกให้แน่น
  • ตรวจน้ำมันเกียร์ บางรุ่นสามารถเติมเองได้ ควรใช้จาระบีหรือน้ำมันเกียร์ตามที่ผู้ผลิตแนะนำ
  • ทำความสะอาดล้อ ตัดเศษหญ้าและสิ่งอุดตันรอบเพลาออกให้หมด
  • ตรวจสายพาน/เพลาขับ หากสายพานหลุด ให้ใส่กลับ หากหลวมให้ตั้งระยะใหม่ หากเสื่อมสภาพควรเปลี่ยน

สรุป

การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด แค่รู้สาเหตุและลองตรวจจุดง่าย ๆ ตามขั้นตอน ก็สามารถทำให้ รถตัดหญ้า กลับมาทำงานได้เหมือนเดิมโดยไม่ต้องยกไปร้าน หรือเสียเงินค่าช่างทุกครั้ง ที่สำคัญคือการ หมั่นตรวจเช็ก-บำรุงรักษาเป็นประจำ เช่น เปลี่ยนน้ำมันตามชั่วโมงที่กำหนด ล้างกรองอากาศ ตรวจใบมีด และเก็บในที่แห้งหลังใช้งาน จะช่วยให้ รถตัดหญ้า ของคุณใช้งานได้ยาวนาน ไม่พังง่าย ไม่เสียกลางคัน และไม่ต้องเสียเวลาเสียเงินซ่อมบ่อย ๆ แน่นอน

What do you think?

Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Loading…

0
เอ็นตัดหญ้า

เปิดสูตรลับ! เลือก เอ็นตัดหญ้า แบบไหนให้งานมีประสิทธิภาพ?